บันทึกอนุทิน
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ (EAED2209)
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
เวลาเข้าสอน 12.20 น. เวลาเข้าเรียน 12.20 น. เวลาเลิกเรียน 15.00 น.
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with Special Need) อาจจะแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ( Children with hearing impairment ) เด็กที่สูญเสียการได้ยิน ในระดับหูตึงหรือหูหนวก ซึ่งอาจจะสูญเสียการได้ยินมาตั้งแต่กำเนิดหรือภายหลังก็ตาม ซึ่งการได้ยินเริ่มจากหูตึงน้อย ปานกลาง ไปจนถึงระดับที่รุนแรง จนกระทั่งหูหนวก หรือไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แม้จะมีเสียงดังเพียงใดก็ตาม
2. เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น ( Children with visual impairment ) หมายถึง เด็กที่สูญเสียการมองเห็นตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนตาบอดสนิท อาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- เด็กตาบอด
- เด็กสายตาเลือนลาง สูญเสียการมองเห็นแต่ยังสามารถอ่านตัวหนังสือที่ขยายใหญ่ได้ หรือใช้แว่นขยายอ่าน
3. เด็กที่มีความความบกพร่องทางสติปัญญา ( Children with intellectual disabilities ) หมายถึง เด็กที่มีสติปัญญาต่ำหว่าเด็กปกติทั่วไป เมื่อวัดระดับสติปัญญาโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐาน มีข้อจำกัดในทักษะด้านการปรับตัวอย่างน้อย 2 ทักษะใน 10 ทักษะ คือ การสื่อความหมาย การดูแลตนเอง การดำรงชีวิต ทักษะทางสังคม การใช้สาธารณสมบัติ การควบคุมตนเอง สุขอนามัยและความปลอดภัย การเรียนวิชาการเพื่อการดำรงชีวิต การใช้เวลาว่าง การทำงาน
ทั้งนี้ภาวะความบกพร่องทางสติปัญญานี้ต้องเกิดขึ้นก่อนอายุ 18 ปี ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- เด็กเรียนรู้ช้า หมายถึง เด็กที่มีความสามารถในการเรียนล่าช้ากว่าปกติ จะมีระดับเชาว์ปัญญา (I.Q) 71-90 ซึ่งขาดทักษะในการเรียนรู้หรือมีความบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย
- เด็กปัญญาอ่อน หมายถึง เด็กที่มีเชาว์ปัญญาต่ำกว่า 70 มีความสามารถในการเรียนรู้น้อย มีพัฒนาการทางกายล่าช้าไม่เหมาะสมกับวัย แบ่งระดับความบกพร่องได้เป็น 4 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ขั้นเล็กน้อย ระดับ I.Q. 50 – 60
ระดับที่ 2 ขั้นเล็กปานกลาง ระดับ I.Q. 35 – 49
ระดับที่ 3 ขั้นรุนแรง ระดับ I.Q. 20 – 34
ระดับที่ 4 ขั้นรุนแรงมาก ระดับ I.Q. น้อยกว่า 20
4. เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ ( Children with learning disabilities ) หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องในขบวนการทางจิตวิทยาทำให้มีปัญหาด้านการใช้ภาษา ด้านการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน และการสะกดคำหรือมีปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้มีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางร่างกาย ทางการเห็น ทางการได้ยิน ทางสติปัญญา อามรณ์และสภาพแวดล้อม
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ ( Children with physical impairment ) หมายถึง เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือหลายส่วนขาดหายไป กระดูกและกล้ามเนื้อพิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง รุนแรง มีความพิการของระบบประสาท (nervous system) มีความยากลำบากในการเคลื่อนไหว
6. เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ( Children with behavior disorders ) หมายถึง เด็กที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ คือ เด็กที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเดียวกับเด็กปกติทั่วไป แต่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากองค์ประกอบทางสติปัญญา การรับรู้ ความบกพร่องทางร่างกายหรือสุขภาพ ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ มีพฤติกรรมมาเหมาะสมกับเพศและวัย มีปัญหาทางอารมณ์ หรือแสดงอาการเจ็บป่วย โดยมีสาเหตุมาจากจิตใจ ได้แก่ความวิตกกังวล หรือหวาดกลัว เป็นต้น ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมอาจจะปรากฏเพียงลักษณะหนึ่งหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่ต้องเกิดขึ้นเป็นเวลานานพอสมควร
7. เด็กที่มีความบกพร่องทางการสื่อความหมาย ( Children with communication disorders) หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องในการเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูดจนไม่สามารถสื่อความหมายกับผู้อื่นได้ตามปกติ เช่น การพูดไม่ชัด จังหวะการพูดไม่ดี คุณภาพของเสียงผิดปกติ ตลอดจนการพูดผิดปกติที่เกิดจากการมีพยาธิของระบบประสาทส่วนกลาง หรือระบบประสาทส่วนปลาย รวมทั้งอะเฟเซีย ซึ่งมีความบกพร่องทั้งในด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษา เป็นต้น
8. เด็กออทิสติก ( Children with autism ) หมายถึง เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าหรือถดถอยแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะแปลก ๆ เช่น หลีกเลี่ยงการมองหน้าผู้อื่น ไม่สบตา การแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อเสียงที่ได้ยิน การสัมผัส หรือความเจ็บป่วยในลักษณะที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปหรือไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสิ่งเร้าใด ๆ ทั้งสิ้นแสดงอาการสนใจต่อสิ่งแวดล้อม มีปัญหาด้านการพูดและภาษาไม่สามารถแสดงการตอบโต้กับคน สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้
9. เด็กที่มีความพิการซ้ำซ้อน ( Children with multiple handicapped ) หมายถึง เด็กที่มีสภาพความพิการตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปในบุคคลเดียวกัน เช่น เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา รวมทั้งสูญเสียการได้ยิน หรือเด็กที่ตาบอดและสูญเสียการได้ยิน เป็นต้น และสภาพความพิการนี้จะส่งผลให้เกิดการด้อยความสามารถในการดำรงชีวิต ทั้งเป็นอุปสรรคต่อการได้รับการศึกษา
10. เด็กสมาธิสั้น ( Children with attention deficit / hyperactivity disorders ) หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติทางพฤติกรรมชนิดหนึ่ง ได้แก่ การขาดสมาธิ ( inattention) พฤติกรรมซุกซนอยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity ) ขาดความยับยั้งชั่งใจหุนหันพลันแล่น ทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบ และพฤติกรรมที่แสดงออกไม่เหมะสมกับวัย หรือระดับพัฒนาการและต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป พฤติกรรมเล่านี้ปรากฏก่อนอายุ 7 ปี และมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน การเรียนการปรับตัวในสังคม พฤติกรรมเหล่านี้ต้องเกิดอย่างน้อยในสองสถานการณ์ขึ้นไป เช่น ที่บ้านและที่โรงเรียน
11. เด็กที่มีความสามารถพิเศษ ( Children with gifted / talented ) หมายถึง เด็กที่แสดงออกซึ่งความสามารถอันโดดเด่นด้านด้านหนึ่ง หรือหลายด้านในด้านสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ การใช้ภาษา การเป็นผู้นำ การสร้างงานด้านศิลปะ การแสดงความสามารถทางดนตรี ความสามารถทางกีฬา และความสามารถทางวิชาการในสาขาใดสาขาหนึ่ง หรือหลายสาขาอย่างเป็นที่ประจักษ์ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กอื่นที่มีอายุระดับเดียวกัน สภาพแวดล้อมเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น